Please Become My Princess 2
Gakushuu x Karma
Rate : 18+
ณ พระราชวังในยามเช้า ตอนนี้ได้มีการแต่งตั้งเจ้าหญิงเข้ามาแล้ว คารุมะมาอยู่ที่วังนี่ได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว แน่นอนว่าต้องโดนแม่บ้านหรือคนใช้บางคนคอยจับผิดแล้วเอาไปนินทาแน่ๆ แรกๆก็เครียดแหละนะ แต่ก็มีเจ้าชายกาคุชูคอยให้กำลังใจอยู่นี่แหละ
"1 2 3 4 ค่อยๆเก้านะเพคะองค์หญิง" ครูฝึกมารายาทในวังคอยแนะนำคารุมะเมื่ออีกฝ่ายดูท่าจะล้ม ฝึกมาสี่ห้าวันแล้วองค์หญิงก็ยังไม่สามารถเดินบนส้นสูงได้คล่องแคล่วสักที
"หวะ..หว๋าา" คารุมะล้มลงไปกองกับพื้น ดีนะที่กระโปรงไม่เปิด ครูฝึกรีบวิ่งเข้ามาดูโดยเร็วก่อนจะช่วยองค์หญิงฝึกหัดให้ลุกขึ้น ถ้าไม่ใช่คนสนิทพอล่ะก็คงไม่มีทางได้แม้แต่แตะปลายผมคนสูงศักดิ์อย่างนี้แน่
"เอาเป็นว่า พอแค่นี้ก่อนละกันนะเพคะองค์หญิง" ครูฝึกเหงื่อตกเมื่อมองหน้าคารุมะที่ทำหน้าเศร้าสำนึกผิด ก่อนที่คารุมะจะพยักหน้านิดๆแล้วเดินออกจากห้องฝึกไป
เอียดดด
คารุมะปิดประตูก่อนที่จะก้มลงถอดรองเท้าส้นสูงในทันที เดินก็ยากเจ็บก็เจ็บ จะทนใส่ไปทำไมกัน คารุมะถอนหายใจออกมาก่อนจะนึกได้ว่าอีกหนึ่งชั่วโมงเขาต้องไปดื่มน้ำชากับองค์ราชากาคุโฮอีก การดื่มชาจะต้องดื่มทุกอาทิตเพื่อเพิ่มความสัมพันธ์ให้พ่อตากับลูกสะใภ้สนิทกันยิ่งขึ้น เขาล่ะเกียดมันจริงๆ
คารุมะเดินเข้ามาในห้องนอนตนเองกับว่าที่สามี หลังจากแต่งงานกันแล้วเขาก็ต้องมานอนกับเจ้าชายกาคุชูล่ะ แถมทุกๆเช้าก็จะต้องตื่นมาตอน 6 โมงเพื่อบอกอรุณสวัสดิ์ด้วย แต่ถึงจะอยู่ห้องเดียวกันเขาก็ไม่ได้เจอกับสามีตัวเองบ่อยนักหรอก อีกฝ่ายเป็นเจ้าชายที่จะต้องขึ้นครองราชเพราะฉะนั้นจึงต้องเรียนอย่างหนักเลยล่ะ
"ปวดเท้าชะมัด" คารุมะล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยความเมื่อย ในหัวก็คิดอะไรต่างๆมากมาย ทั้งเรื่องที่เขามาอยู่ที่นี่ เรื่องเจ้าชาย เรื่องราชา หรือว่าเรื่องแม่เขา ไม่สิ แม่เลี้ยงต่างหาก
คารุมะพักไปได้ครึ่งชั่วโมงก็ต้องลุกขึ้นมาอีกรอบ การไปที่นัดหมายก่อนเป็นมารยาทที่ดี กาคุชูเคยพูดเอาไว้ ถึงเขาไม่ค่อยอยากจะฟังก็ตามที สองเท้าเปล่าเดินไปตามทางเดินเรื่อยๆ ในมือถือรองเท้าส้นสูงที่เขาไม่อยากจะใส่มันแต่ก็ต้องใส่อยู่ดี เมื่อถึงหน้าห้อง คารุมะจัดการใส่รองเท้าให้เรียบร้อยแล้วเปิดประตูเข้าไปพยายามทำท่าทางให้ดูสง่างามที่สุดเท่าที่จะทำได้
"อะ..อ๊ะ?!" คารุมะทำหน้างงเมื่อเข้ามาในห้องที่ตกแต่งอย่างกับเรือนกระจกมีดอกไม้มากมายสีสวยจัดวางเยอะแยะ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่เขาตกใจ เพราะเรื่องที่เขาตกใจก็คือ ราชากาคุโฮไม่อยู่ แต่เปลี่ยนเป็นลูกชายของเขา เจ้าชายกาคุชูแทน
"แอบถอดรองเท้าสินะ" กาคุชูพูดขึ้นขณะที่เท้าคางมองใบหน้าสวยของภรรยาตนเองที่ทำหน้างงได้น่ารักมาก คารุมะสะดุ้งนิดๆก่อนจะยิ้มแห้งๆให้และเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามสามีตนเอง
"การเท้าคางเป็นมารยาทที่ไม่ดีนะเพคะ" คารุมะยกนิ้วชี้ขึ้นก่อนจะเอ่ยปากพูดด้วยท่าทางเลียนแบบอีกฝ่ายที่เคยว่าเขาเรื่องการเท้าคาง
"หึ..หึ ขออภัยเป็นอย่างยิ่งครับ องค์หญิง" กาคุชูหัวเราะออกมานิดๆก่อนจะยืดตัวนั่งตัวตรง มือหนาเลื่อนไปจับที่แก้วน้ำชาก่อนจะยกขึ้นจิบ คารุมะมองตามอีกฝ่ายแล้วหัวเราะออกมานิดๆ
"แล้วทำไมวันนี้ถึงเป็นเจ้าชายได้ล่ะ" คารุมะถามอีกฝ่ายขณะที่กำลังเอาช้อนเล็กคนน้ำชาตนเอง เขาไม่คิดจะดื่มมันหรอกนะ เขาอยากกินโค้กหรือแป็ปซี่มากกว่าสะอีก แต่ที่อยากกินจริงๆก็คงเป็นนมสตรอว์เบอร์รี่ล่ะนะ
"ผมแค่คิดถึงคุณ เลยขอแลกตัวกับคุณพ่อ"
"เหหห แต่วันนี้มีเรียนจนมืดเลยไม่ใช่รึไง" คารุมะพูดด้วยความเป็นกันเอง เพราะตอนนี้เขาสนิทกับเจ้าชายพอควรเลยล่ะ จะไม่สนิทได้ไงก็แต่งงานกันแล้วนี่ และแหวนเพชรราคาเฉียดสิบล้านที่สวมอยู่ที่นิ้วนางข้างซ้ายของเขาก็เป็นหลักประกันชั้นดีเลยล่ะ
"ไม่เป็นไรหรอก ผมโดดแค่ชั่วโมงเดียวเอง"
"เอ๋ จะอยู่แค่ชั่วโมงเดียวเองหรอ?" คารุมะทำหน้าเศร้ามองอีกฝ่าย เขาแค่อยากจะคุยกับกาคุชูนานๆแค่นั้นเอง เพราะในวังนี่เขามีแค่กาคุชูเท่านั้นที่สนิท
"ขอโทษนะ เหงารึเปล่า?"
"ไม่เป็นไร นายเรียนหนักนี่เนอะ" กาคุชูยิ้มออกมาบางๆมองอีกฝ่าย กาคุชูค่อยๆลุกขึ้นก่อนที่มือหนาค่อยๆเชยคางอีกฝ่ายขึ้นให้สบตาเขา ใบหน้าหล่อเหลาขยับเข้าไปใกล้อีกฝ่ายเรื่อยๆก่อนจะประกบริมฝีปากอย่างอ่อนโยน
คารุมะหลับตารับสัมผัสอีกฝ่ายอย่างเต็มใจ เมื่อกาคุชูผละออกแล้วคารุมะก็ต้องหน่าแดงแจ๋พร้อมกับเบือนหน้าหนี
"คุณไม่ลองชิมน้ำชานี่ดูหน่อยหรอ?" กาคุชูนั่งพร้อมกับเอ่ยปากถามอีกฝ่ายที่เอาแต่นั่งก้มหน้าคนน้ำชาอย่างเดียว
"ชั้นอยากกินนมสตรอว์เบอร์รี่"
"หืม? ทำไมผมจะไม่รู้ล่ะว่าภรรยาของผมต้องการอะไร" กาคุชูเอากล่องนมสตรอว์เบอร์รี่ขึ้นมาวางบนโต๊ะ ในวังแบบนี้นมสตรอว์เบอร์รี่ถือเป็นของแรร์ไอเทมสุดๆไปเลยล่ะ
"แหม่ รู้ใจดีจังเลยนะ" คารุมะตาเป็นประกายก่อนที่พยายามคว้ากล่องนมมา แต่กาคุชูก็ไม่ยอมให้ คารุมะขมวดคิ้วมองอีกฝ่ายแต่ก่อนจะได้โวยวายก็ถูกกาคุชูแย่งพูดขึ้นมาสะก่อน
"บอกรักผมก่อน"
"ไม่ อย่ามาพูดบ้าๆน่า" คารุมะพยายามแย่งกล่องนมมาแต่ก็ไม่สำเร็จ
"ถ้างั้นผมคิดว่าผมเอาไปให้ต้นไม้ที่อยู่ตรงนั้นดีกว่า" กาคุชูเตรียมจะลุกขึ้นแต่ก็ต้องถูกคารุมะดึงชายแขนเสื้อเอาไว้ก่อน
"รักนาย.."
"อะไรนะครับ ผมไม่ได้ยินเลย"
"ระ..รักนาย!"
"ใครครับ?" คารุมะชักหงุดหงิดขึ้นมาสะแล้วสิที่อีกฝ่ายพยายามจะแกล้งให้เขาหน้าแดง และที่หงุดหงิดกว่าเดิมก็คือเขาดันบ้าจี้หน้าแดงตามไปด้วยนี่สิ
"จะ..เจ้าบ้ากาคุชู! บอกว่ารักไงเล่า!"
"ผมสงสัยจังว่ามีใครเรียกสามีสุดที่รักแบบนั้นบ้าง" คารุมะคิ้วกระตุก มองใบหน้าหล่อเหลาสุดเสแสร้งที่ตีหน้าสงสัยได้หน้าหมั่นใส้ที่สุด
'ชั้นตกลงแต่งงานกับหมอนี่ได้ยังไงเนี่ย?!'
"นี่ที่รัก ชั้นอยากได้สิ่งที่อยู่ในมือนาย เพราะฉะนั้นเอามันมาสะ" น้ำเสียงตอนแรกนั้นช่างอ่อนหวาน แต่เมื่อถึงประโยคสุดท้ายกลับแฝงไปด้วยแกมบังคับอย่างชัดเจน ผิดกับรอยยิ้มหวานถึงมันจะเฟคสุดๆเลยก็เถอะ
กาคุชูมองอีกฝ่ายก่อนจะหัวเราะออกมานิดๆพร้อมกับยื่นกล่องนมให้ภรรยาตนเองที่กำลังเขี้ยวงอก ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิม คารุมะคว้าของโปรดตนเองมาอย่างรวดเร็ว เขย่ากล่องแกะหลอดและดื่มมันในทันทีที่ริมฝีปากเตะกับหลอด กาคุชูมองใบหน้าสวยของภรรยาตนเองที่ขึ้นสีนิดๆพอน่ารักอย่างเอ็นดู
"แล้วการฝึกของที่นี่เป็นยังไงบ้างล่ะ" กาคุชูถามอีกฝ่ายเนื่องจากคารุมะมักจะมาบ่นให้เขาฟังทุกเย็นเรื่องรองเท้าส้นสูงที่แสนจะเจ็บและช้อนที่อยู่บนโต๊ะอาหาร เพราะมันมีมากมายจนเขารู้สึกขัดตา อีกทั้งอาหารที่ไม่ว่าจะกี่มื้อก็อลังการไม่เปลี่ยน ทั้งๆที่มีทานอยู่แค่สามคนเท่านั้น
"ก็รู้แล้วนี่นา ชั้นถอดรองเท้าเดินมา" คารุมะถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยๆ ก่อนที่นมสตรอว์เบอร์รี่ในกล่องจะหมด อย่างคำที่ว่าความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ(เกี่ยวมั้ย?)
"ถ้างั้นนี่คงเป็นข่าวร้ายสินะ เพราะคืนนี้เราจะต้องฝึกเต้นรำกัน โดยคุณจะต้องใส่ส้นสูงด้วย"
"หาาา ทำไมล่ะ?!"
"อีกสามวันจะจัดงานฉลองรับเจ้าหญิง แย่หน่อยนะที่ผมลืมบอกคุณ" กาคุชูหัวเราะด้วยความสะใจนิดๆที่ได้แกล้งภรรยาแสนน่ารักของตนเอง เพราะมันได้ผลดีเกินคาดเนื่องจากอีกฝ่ายนั้นเหว๋อแบบสุดๆเลยล่ะ
"ดะ..ได้ไง! นายตั้งใจจะแกล้งชั้นใช่มั้ย!"
"ทำไมผมต้องแกล้งภรรยาแสนน่ารักของผมด้วยล่ะ" กาคุชูมองคารุมะที่ขู่ขนฟูอยู่ตรงหน้าตัวเองขำๆ ทั้งสองคุยกันไปเรื่อยๆจนกาคุชูต้องไปเรียนต่อ และคารุมะก็โดนทิ้งไว้ที่ห้องคนเดียว มือหนึ่งเอื้อมไปหยิบกอดกุหลาบสีแดงสดที่อยู่ในแจกันขึ้นมาดม ด้วยท่าทางสง่างามเมื่อคนใช้คนหนึ่งเดินผ่านประตูห้องที่กาคุชูไม่ได้ปิดมัน
สร้างภาพแบบสุดๆ
คารุมะกลับมาที่ห้องนอนตนเองอีกครั้ง ก่อนจะล้มตัวลงนอนและเผลอหลับไปด้วยความเหนื่อย แน่นอนว่าระหว่างที่เดินมาเขาไม่คิดจะใส่ไอ่ส้นสูงนั่นแม้แต่น้อย
ณ เวลาทุ่มครึ่ง
กาคุชูเดินเข้ามาในห้องนอนตนเอง พบกับภรรยาแสนน่ารักของเขากำลังหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงด้วยสภาพที่ยังไม่ได้ถอดชุดฟูฟ่องออก เห็นแบบนั้นก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
"คารุมะ!..ไปอาบน้ำเร็ว" กาคุชูเดินมาเขย่าแมวขี้เซา แต่ไม่มีท่าทีว่าอีกฝ่ายจะตื่นแม้แต่นิด แถมยังส่งเสียงรำคาญมาให้อีก
"คารุมะถ้าคุณไม่ตื่นไปอาบน้ำล่ะก็ ผมจะอาบให้คุณเอง"
"ฮะ..เฮ้ย!" คารุมะโดนกาคุชูดึงตัวขึ้นให้มานั่งบนตัก มือหนากอดรัดเอวบางของภรรยาตนเองไว้ ส่วนมืออีกข้างที่ว่างอยู่ก็ค่อยๆถอดชุดแสนเกะกะออก เผยให้เห็นลาดไหล่ขาวเนียนนั่น
"ปะ..ปล่อยนะ! ชั้นตื่นแล้วนี่ไง!" คารุมะดันใบหน้าหล่อเหลาของสามีตนเองที่พยายามจะเข้ามากัดไหล่ของเขาด้วยสายตาสัตว์ป่า
ความเป็นสุภาพบุรุษของแต่ก่อนหายไปไหนเนี่ย!
"อะ..อื้ออ!" กาคุชูงับไหล่ขาวเนียนของอีกฝ่ายก่อนจะดูดเม้มเบาๆ แต่มันก็ทำให้เกิดรอยชัดเจนเลยทีเดียว มือเล็กพยายามดันอกอีกฝ่ายออกด้วยสภาพที่เรี่ยวแรงหายไป ขณะที่ริมฝีปากส่งเสียงครางในลำคอ
"พะ..พอได้แล้ว" คารุมะหอบหายใจเหนื่อย ก่อนที่กาคุชูจะค่อยๆถอนริมฝีปากออกจากไหล่เนียน
ตาคมทอดมองร่างโปร่งในอ้อมกอดตนเอง ผมสีแดงสดนุ่มนิ่มที่ส่งกลิ่นหอมของแชมพูราคาแพง ดวงตาคู่สวยสีอำพันที่จ้องมองเขา ริมฝีปากบางสีชมพูอ่อนที่หอบหายใจเอาอากาศเข้าไป ผิวกายขาวเนียนน่าสัมผัส เขาคิดว่าเขาเลือกถูกแล้วล่ะ คารุมะน่ะ เหมาะที่จะเป็นเจ้าหญิงของเขาที่สุดเลย!
"ชั้นจะไปอาบน้ำ!" คารุมะผละตัวออกจากคนหื่นตรงหน้า ลุกขึ้นและเดินเข้าห้องน้ำไป กาคุชูมองตามหลังอีกฝ่าย หลังจากมาอยู่ที่นี่คารุมะก็จำเป็นที่จะต้องแต่งชุดกระโปรงฟูฟ่องที่ไม่ซ่ำแต่ละวัน ใส่ส้นสูงที่ไม่ว่าเดินกี่ทีก็ต้องมีล้ม แต่เวลานอนเขาก็หวังให้คารุมะใส่ชุดนอนแบบกระโปรงบางๆนั่นเหมือนกันนะ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอม แล้วใส่ชุดนอนของเขาแทน
เอียดดด
คารุมะเดินออกมาจากห้องน้ำ เขาสวมชุดนอนของสามีตนเองอยู่ เพราะมีแค่ตอนนอนเท่านั้นที่เขาสามารถใส่กางเกงได้ และตอนสามทุ่มครึ่งก็ต้องไปซ้อมเต้นรำอีก ถึงเขาจะเต้นได้เพลงนึงจากการเต้นกับเจ้าชายครั้งที่แล้วแล้วก็เถอะ แต่สามีสุดเรื่องมากของเขาก็บอกว่าถ้าไม่เต้นให้เพอร์เฟคจริงๆจะถูกคนอื่นในงานจับผิดและเอาไปนินทาได้
คารุมะล้มตัวลงนอนข้างๆกาคุชู ก่อนจะหันไปหาอีกฝ่าย
"สามทุ่มปลุกชั้นด้วย" และแล้วคารุมะก็งีบไป ทิ้งให้กาคุชูต้องเดินไปอาบน้ำ ดวงตาสีม่วงมองตนเองในกระจก มือหนาเลื่อนไปแตะขอบตาที่เริ่มจะคล้ำที่เกิดจากการไม่ได้นอนมาหลายวัน
คงต้องดูแลตัวเองหน่อยสะแล้ว
กาคุชูอาบน้ำเสร็จก็มานั่งๆนอนๆอยู่ที่เตียง มองร่างโปร่งที่หลับปุ๋ยด้วยท่าทางน่ารัก ถึงจะบอกว่าคารุมะมาอยู่ที่นี่ได้หนึ่งสัปดาห์แต่เขาก็ยังไม่เคย 'กอด' อีกฝ่ายเลยแม้แต่ครั้งเดียว เขาคิดว่ามันก็ดีแล้วที่จะปล่อยให้อีกฝ่ายบริสุทธิ์อยู่แบบนั้น แต่ก็กลัวว่าสักวันนึง ถ้าเขาหลงรักอีกฝ่ายมากขึ้นล่ะก็ กลัวว่าเขาจะทนมองร่างกายเย้ายัวของอีกฝ่ายเฉยๆไม่ได้นี่สิ
ปกติก็ทนมองเฉยๆไม่ได้อยู่แล้ว..
"คารุมะ ไปเปลี่ยนชุดเร็ว" กาคุชูเขย่าแมวขี้เซา ก่อนที่คารุมะจะค่อยๆลืมตาตื่นแล้วลุกไปเปลี่ยนเป็นชุดนอนสายเดี่ยวกระโปรงสีนวลบาง กาคุชูจ้องมาภรรยาตนเองไม่วางตาก่อนจะเดินไปหยิบผ้าคลุมไหล่ไปให้อีกฝ่าย เพราะรอยสีแดงที่ไหล่นั่นช่างตัดกับสีผิวขาวเนียนอย่างสิ้งเชิง
"ขอบคุณ" คารุมะมองตัวเองในกระจกบานใหญ่ก่อนจะหมุนตัว กระโปรงบางที่ยาวถึงเข่าขยับนิดๆแต่ก็ไม่เกิดความหวาดเสี่ยวใดๆ กาคุชูมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเรียบนิ่งเป็นปกติ ไม่ใช่ว่าชินกับความน่ารักของอีกฝ่ายหรอกนะ แต่ถ้าเกิดแสดงความหื่นออกมาล่ะก็คารุมะได้หย่าเขาพอดี
"ไปเถอะ" คารุมะเดินนำกาคุชูออกไปจากห้อง ทั้งสองมุ่งหน้าไปยังห้องเต้นรำแต่แน่นอนว่าคารุมะไม่คิดจะใส่ส้นสูงนี่แม่แต่น้อย ถึงจะโดนกาคุชูบ่นตลอดทางก็เถอะ
หมอนี่เป็นแฟนหรือเป็นพ่อชั้นกันแน่เนี่ย
คารุมะเปิดประตูเข้าไป เจอกับครูฝึกเต้นรำที่มารออยู่ก่อนแล้ว และนางก็เป็นเพศที่สามด้วย เพราะฉะนั้นท่าทางและการพูดจะดูโอเว่อไปสักหน่อย แต่นั่นก็ทำให้เขาชอบที่จะได้เรียนเต้นรำล่ะ เพราะมันตลกดี
"เอาล่ะเพคะ วันนี้เราจะซ้อมเต้นรำเป็นคู่นะคะ เอาเป็นว่-- องค์หญิง!!" ครูฝึกตะโกนใส่คารุมะ ก่อนที่คนที่ถูกตะโกนจะสะดุ้งโหยง ในวังนี้นอกจากกาคุชูกับครูฝึกนี่แล้วก็ไม่มีใครกล้าตะโกนใส่เขาอีกเลย
"ทำไมไม่ใส่รองเท้าล่ะเพคะ?! ไม่ได้นะเพคะ!" ครูฝึกวิ่งวุ่นเข้าไปในห้องแต่งตัว ก่อนจะวิ่งออกมาในมือถือรองเท้าส้นสูงสีขาวนวลเข้ากับชุดนอนของเขา แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น
คารุมะเหงื่อตกในมือถือรองเท้าเอาไว้ ก่อนที่กาคุชูจะเสนอตัวว่าจะใส่ให้
"ผมช่วยนะ" กาคุชูคว้ารองเท้าเอาไว้ในมือ ก่อนจะย่อตัวลงนั่ง มือหนาสวมรองเท้าให้ภรรยาตนเอง เมื่อใส่เสร็จกาคุชูก็ต้องคอยพยุงอีกฝ่ายไว้ไม่ให้ล้ม
"ผมบอกแล้ว เวลาเดินก็ให้ลองใส่ให้ชินดู" กาคุชูบ่นใส่ภรรยาตนเองที่ทำหน้าเบื่อหน่าย ก่อนที่ครูฝึกจะเริ่มสอนเต้น แน่นอนว่ากาคุชูอยู่ในวังมาตั้งแต่เกิด แค่เต้นรำแค่นี้ทำไมจะเต้นไม่ได้ แต่คารุมะนี่สิ
"โอ้ย!!" คารุมะเก้าผิดจังหวะทำให้ลื่นล้มหน้าคม่ำ แน่นอนว่าคงจะเป็นแบบนั้นถ้าไม่ได้กาคุชูคว้าตัวเอาไว้ก่อน กาคุชูส่ายหัวเบาๆให้กับความไม่ระวังของอีกฝ่าย
"ตั้งใจหน่อยสิครับ เลดี้" คารุมะสะดุ้งเฮือก หันขวับมองสามีตนเองในทันที กาคุชูหัวเราะออกมานิดๆก่อนที่จะถูกคารุมะโวยใส่
"ใครเลดี้กัน! อย่ามาพูดบ้าๆนะ!" นอกจากเจ้าชาย ราชา และครูฝึกในด้านต่างๆแล้ว ก็ไม่มีใครรู้เลยว่าคารุมะนั้นเป็นผู้ชาย ขืนประกาศออกไปว่า 'ภรรยาของเจ้าชายนั้นเป็นผู้ชาย ไม่ต้องมาเรียกว่าเลดี้หรือให้ใส่ส้นสูงเพราะมันเจ็บเท้า' แบบนั้นความเชื่อถือของเจ้าชายได้ลดฮวบลงไปแน่ๆ
หลังจากที่ซ้อมเต้นไปกว่าสองชั่วโมง คารุมะก็ประสบความสำเร็จ สามารถเต้นบนรองเท้าส้นสูงได้คล่องแคล่วและไม่ล้มอีกต่อไป..
ถ้าเป็นแบบนั้นได้ก็ดีน่ะสิ
คารุมะยังคงล้มต่อไปเรื่อยๆ ถึงเขาจะจำและเรียนรู้ได้รวดเร็วว่าการเต้นนั้นจังหวะและท่าทางเป็นยังไงแต่รองเท้าส้นสูงก็ทำให้เขาเสียหน้าตลอดเลย เพราะงานเลือกคู่ครองเขาก็ใส่แค่รองเท้าธรรมดาเลยสามารถเต้นได้คล่องแคล่ว
วันนั้นก็หมดไปอย่างรวดเร็ว เช้าวันต่อมาคารุมะก็จำเป็นที่จะต้องตื่นมาในยามเช้าเพื่อบอกอรุณสวัสดิ์สามีตนเอง
สองมือกำลังจัดเสื้อให้สามีตนเองอยู่ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาก่อนที่คารุมะจะเงยหน้ามองคนที่เขากำลังจัดเสื้อให้อยู่ มือเล็กเอื้อมไปแตะที่ขอบตาของอีกฝ่ายอย่างเบาบาง กาคุชูยิ้มออกมาบางๆก่อนจะยื่นหน้าไปจุตพิตที่เปลือกตาอีกฝ่ายอย่างหมั่นเขี้ยว
"โทรมแบบนี้ก็ไม่หล่อน่ะสิ"
"ไม่หล่อแล้วรักรึเปล่าล่ะ?"
"หืม?" คารุมะดึงกาคุชูมาจูบเบาๆอย่างอ่อนโยน ก่อนที่ตัวเองจะหน้าแดงสะเอง คารุมะมองกาคุชูที่ยกยิ้มอย่างพอใจออกมาอย่างไม่ค่อยจะปิดบังเท่าไหร่
"อะ..อรุณสวัสดิ์" คารุมะหน้าขึ้นสีก่อนจะหลบตาอีกฝ่ายที่จ้องเขาไม่หยุด
"ทำตัวเป็นภรรยาที่ดีนี่นา" กาคุชูหัวเราะออกมานิดๆมองหน้าอีกฝ่ายที่ไม่กล้าสบตาเขา
"เดี๋ยวผมให้รางวัลละกันนะ"
"ไม่ต้อง!!" คารุมะดันใบหน้าหล่อเหลาที่พยายามจะเขามาจูบเขาให้ออกไปห่างๆ ก่อนจะโวยวายออกมาเมื่อมือปลาหมึกแตะลงที่สะโพกบางของเขาเขาจะไม่หน้าแดงแบบนี้เลยถ้ามือซุกซนไม่ไล้ไปที่บั้นท้ายของเขา กาคุชูจัดการกดอีกฝ่ายลงกับเตียงก่อนจะพรมจูบไปทั่วใบหน้าสวย
"อะฮ่าๆ" คารุมะหัวเราะออกมาเมื่อกาคุชูพรมจูบทั่วใบหน้าเขาทำเอาจักจี้ไม่น้อย
.
.
คารุมะนั่งกินข้าวอยู่ที่โต๊ะอาหารสุดอลังกาลที่ไม่รู้ว่าจะสร้างมาให้ใครนั่งตั้ง 20 กว่าที่นั่ง แถมไอ่อาหารที่อย่างกับจัดงานฉลองอยู่ทุกวันนี่อีก
คารุมะมองเจ้าชายกับราชาสลับกันไปมา ทั้งสองเหมือนกันนิดๆแหะ แต่ว่าไอ่บรรยากาศสุดมาคุที่เป็นได้ทุกวี่ทุกวันนี่ก็ทำอย่างกับว่าอยู่คนละโลกกันอย่างงั้นแหละ
คารุมะแอบถอนหายใจออกมาเหนื่อยๆอยู่คนเดียว ไม่รู้ว่าสองพ่อลูกนี่โตด้วยกันมาได้ยังไง คารุมะมองไปรอบๆก็เจอกับเหล่าคนรับใช้มากมายที่ไม่รู้จะมายืนเป็นหุ่นนิ่งๆทำไมกัน คนพวกนี้ไม่เมื่อยกันบ้างรึไง ความสงสัยมากมายนั้นวนเวียนอยู่ในหัวองค์หญิงตลอด 1 สัปดาห์ แต่เขารู้ว่าจะถามใครก็คงไม่ได้คำตอบหรอก
คารุมะเดินไปตามทางเดินยาวๆที่มีมากมายหลายห้องจนไม่รู้ว่าจะสร้างให้ใครอยู่ ในขณะที่ในหัวคิดเรื่องแปลกๆเกี่ยวกับในวังไม่หยุด
ชักอยากจะออกไปสูดอากาศข้างนอกสะแล้วสิ
.
.
คารุมะอยู่ในชุดเรียบๆของสามันชนทั่วไป เสื้อแขนยาวสีดำและเสื้อนอกสีแดงแขนสั้นที่มีฮู้ดช่วยในการปลอมตัวได้อย่างแนบเนียน แน่นอนว่าเขาแอบออกมา ไม่ได้บอกเจ้าชายหรือราชาแม้แต่น้อย หรือจะเรียกว่าไม่ได้คุยกันดีล่ะ
องค์หญิงที่กลับมาในร่างเดิมแน่นอนว่านิสัยที่ไม่ได้แสดงออกให้ใครเห็นในวังยังคงเดิม แถมยังเพิ่มขึ้นเนื่องจากเก็บกดมาอีกด้วย เพราะฉะนั้นเขาจึงกำลังเดินเตร่ๆอยู่ในซอยเปลี่ยว โดยกำลังหลอกหัวสมองตัวเองว่าหาคนเลวมากระทืบเพื่อสั่งสอนทั้งๆที่คันไม้คันมือจนอยากจะอัดคนเต็มที
และแล้วคารุมะได้สิ่งที่ต้องการแล้วคือได้ระบายอารมณ์ให้หายคันไม้คันมือ จากนั้นจึงเดินหาตู้กดน้ำรอบๆเมืองเพื่อหานมสตรอว์เบอร์รี่ แต่แล้วก็ไปเจอกับคนที่เขาไม่อยากเจอที่สุดในตอนนี้ เจ้าชายที่ออกมาพบปะฝูงชน อาซาโนะ กาคุชู
แน่นอนว่าคารุมะเปลี่ยนทิศทางในการเดินทันที แต่เขาก็นึกขึ้นได้ว่านอกจากตู้กดน้ำตรงนั้นแล้วก็ไม่มีตรงไหนอีกเลยที่มีนมสตรอว์เบอร์รี่ จึงต้องหันเท้ากลับไปยังทิศทางเดิม สูดหายใจเข้าลึกๆ กระชับฮู้ดให้เข้าที่แล้วพยายามกลืนไปกับฝูงชน แต่เขาเอาแต่ก้มหน้าเลยไปชนใครสักคนเข้า คงจะดีที่คนๆนั้นเป็นเพียงคนที่มีน้ำใจน่ะนะ
"หาเรื่องรึไงฟะ!" ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเมาไม่ได้สติพอควรเนื่องจากพูดออกมาเสียงดังจนคนรอบๆนั้นปลีกตัวออกห่างเป็นวงกลมอย่างกับเชียร์ให้ต่อยกันอย่างงั้นแหละ
"ไม่ได้ยินรึไงว้ะ!!" ชายคนนั้นดึงคอเสื้อคารุมะขึ้น คารุมะกลืนน้ำลายลงคอสายตากวาดหาเจ้าชายกาคุชู และพบว่าอีกฝ่ายกำลังเดินมาทางนั้น มีองค์รักษ์ 2 คนเดินตามมา ในหัวสมองพยายามคิดหาวิธีหนีจนในที่สุดเส้นความอดทนเขาก็ขาดลงเมื่อผู้ชายที่ดึงคอเสื้อเขาอยู่เอ่ยปากพูด
"ไอ่เปี๊ยกนี่!!"
ไอ่เปี๊ยก?
ตุบ!!
คารุมะปัดมืออีกฝ่ายที่ดึงคอเสื้อเขาอยู่ออกก่อนจะจับหัวอีกฝ่ายทุ่มลงกับพื้นอย่างแรง ฮู้ดที่คลุมอยู่ก็หลุดออกจากหัวในทันที แต่สามันชนธรรมดาคงจะไม่รู้ว่าองค์หญิงหน้าตาเป็นอย่างไรเลยไม่น่าตื่นเต้น แต่ไอ่รังสีที่เป็นอันตรายต่อตัวเขามันก็แผ่ออกมาเรื่อยๆจากเจ้าชายกาคุชูที่ยืนมองอยู่ไม่ห่างมากนัก
องค์รักษ์ทั้งสองที่ยืนอยู่ข้างกาคุชูกำลังจะเดินมาหยุดการทะเลาะวิวาทแต่เจ้าชายก็ห้ามเอาไว้ก่อน คารุมะรีบใส่ฮู้ดแล้วเดินออกมาจากลานประลองขนาดย่อมในทันที ความรู้สึกเหมือนถูกจ้องมองจากใครสักคนทำเอาเขาอยากจะหนีไปให้ไกลที่สุด
ตายแน่ๆ ตายแน่ๆเลย!!
.
.
กาคุชูเดินไปตามทางเดินยาวด้วยใบหน้านิ่งๆตามฉบับเจ้าตัว ก่อนจะเข้าไปในห้องหนึ่งที่เป็นห้องของเขา ปิดประตูลงอย่างแรงจนคนที่นั่งอยู่บนเตียงต้องสะดุ้งโหยง
กาคุชูฉีกยิ้มหลอนออกมามองภรรยาเขาที่แอบหนีไปเที่ยวพร้อมกับหักนิ้วไปพลาง คารุมะกลืนน้ำลายลงคอมองออกฝ่ายที่หัวเราะ หึๆ อย่างหวั่นๆ ก่อนจะหลับตาปี๋ยอมรับชะตากรรม
"อ๊ะ! ดะ..เดี๋ยว!!" คารุมะลืมตาขึ้นก่อนจะรีบร้องห้ามเมื่อถูกกาคุชูกดลงกับเตียงจนขยับไปไหนไม่ได้ มือหนาเลื่อนไปปลดกระดุมเสื้อนอกของอีกฝ่ายออกขณะที่ริมฝีปากจูบรุกไล้ไปตามต้นคอขาวเนียน
"อะ..อื้อ! นะ..นายคงไม่คิดจะทำมันจริงๆหรอกใช่มั้ย.." กาคุชูเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่หน้าแดงแจ๋ก่อนจะฉีกยิ้มออกมาบางๆแต่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ ดวงตาสีม่วงเป็นประกายราวสัตว์ป่า ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไร
"ไม่รู้สิ ตอนนี้ชั้นก็โกรธอยู่พอควรเลยล่ะ" คารุมะไม่กล้าโวยวายออกมาเพราะเขาก็เป็นคนผิดจริงๆในครั้งนี้ ถึงจะเคยแอบออกไปหลายครั้งแล้วก็เถอะ
แต่ไอ่การทำโทษของอีกฝ่ายมันใช้ได้ที่ไหนกัน!!
"คะ..ความเป็นสุภาพบุรุษหายไปไหนเนี่ย.."
"หายไปพร้อมๆกับตอนที่ผมเห็นร่างกายเย้ายวนของคุณตอนอาบน้ำนั่นแหละ" คารุมะหน้าขึ้นสีก่อนจะเบือนหน้าหนีแล้วหลับตาลงรับสัมผัสอีกฝ่าย
"ไอ่หื่น.." กาคุชูถอดเสื้อสีดำของอีกฝ่ายออกอย่างถนุถนอมราวกับเป็นของล้ำค่า ก่อนจะก้มลงไปขบเม้มที่ยอดดอกสีสวย คารุมะส่งเสียงหอบครางออกมาเมื่อถูกอีกฝ่ายสัมผัส ความรู้สึกเสี่ยวกระสันที่ได้รับทำเอาเขาลืมขัดขืนในทันที
"อะ..อ๊ะ! อืมม อื้อ!" กาคุชูเลื่อนมือไปปลดกางเกงอีกฝ่ายออกขณะที่ริมฝีปากยังคงพรมจูบทั่วอกเนียนของร่างข้าใต้ คารุมะเผลอสอดมือเขาไปในเรือนผมสีบลอนสตรอว์เบอร์รี่อย่างลืมตัว
กาคุชูดึงกางเกงอีกฝ่ายลงก่อนจะโยนมันไปไกลๆ มือหนาลูบไล้ไปทั่วต้นขาของอีกฝ่าย เฉียดส่วนสำคัญไปอย่างหน้าหวาดเสี่ยวจนคารุมะต้องเผลอเกร็งตาม กาคุชูเลื่อนใบหน้าไปกดจูบที่ริมฝีปากนุ่มนิ่ม ลิ้นเรียวกวัดเกี่ยวกับร่างข้างใต้อย่างเร้าร้อน คารุมะสะดุ้งนิดๆเมื่อมือหนาแตะลงที่ส่วนสำคัญของเขา เผลอแป๊ปเดียวกาคุชูก็กดจูบลงมาหนักๆจนเขาเริ่มหายใจติดขัด
"อื้อออ!" คารุมะร้องประท้วงในลำคอก่อนที่กาคุชูจะค่อยๆผละออกอย่างเสียดาย เปลี่ยนเป็นก้มลงไปซุกไซร์ที่ซอกคอขาวเนียนของอีกฝ่ายแทน คารุมะหน้าแดงแจ๋เมื่อมือซุกซนของอีกฝ่ายกอบกุมจุดอ่อนเขาไว้ มือหนาค่อยๆรูดขึ้นลงช้าๆเพื่อเรียกอารมณ์ร่างข้างใต้ ซึ่งมันได้ผล..
กาคุชูเอื้อมมือไปบนหัวเตียง หยิบขวดโลชั่นมาไว้ในมือก่อนจะชโลมมันลงบนช่องทางแคบของอีกฝ่าย คารุมะกัดฟันรับรู้ถึงความเย็นก็อดตื่นเต้นไม่ได้ หัวใจเต้นรัวไม่หยุดเมื่อคิดว่าเขาจะถูกอีกฝ่ายสัมผัสในเร็วๆนี้
"อะ..อื้อ!" กาคุชูสอดนิ้วเข้าไปในช่องทางแคบของอีกฝ่ายจนสุด จนคนถูกกระทำต้องเผลอเปิดปากส่งเสียงครางออกมา มือเล็กจิกลงที่ไหล่กว้างของอีกฝ่ายเพื่อระบายอารมณ์ กาคุชูดึงมืออีกฝ่ายมาจูบเบาๆก่อนจะแย้มยิ้มบางออกมาแล้วให้อีกฝ่ายโอบรอบคอเขาแทน
นิ้วเรียวสอดเข้าออกเพื่อเบิกทาง เมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายเริ่มชินแล้วจึงสอดนิ้วเพิ่ม คารุมะพยายามปิดปากกลั้นเสียงหอบหายใจ ที่เกิดจากความตื่นเต้น กาคุชูเมื่อเห็นอีกฝ่ายเกร็งจึงก้มลงไปกดจูบที่เปลือกตาเบาบางราวกับปลอบโยนร่างข้างใต้ คารุมะใจเย็นลงนิดหน่อยก่อนจะเริ่มส่งเสียงครางออกมาอีกครั้งเมื่อกาคุชูสอดนิ้วที่สามไปเพิ่ม ปลายนิ้วแตะลงกดย้ำหาจุดอ่อนไหวที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดี
และเขาก็เจอมันในที่สุด..
"อะ...อื้มมม อ๊ะ! กะ..กาคุชู..อ๊าา!" คารุมะส่งเสียงครางออกมาตามที่กาคุชูคาดไว้ ใบหน้าสวยแดงจนถึงใบหู ริมฝีปากบางอ้าหอบหายใจหนัก ผิวกายที่เย้ายวนกาคุชูทำเอาเขาอยากจะขย้ำอีกฝ่ายเร็วๆ
"คารุมะ..ผมจะใส่มันแล้วนะ" กาคุชูพูดขณะสอดนิ้วเข้าออกเพื่อเบิกทาง คารุมะพยักหน้านิดๆทันทีที่อีกฝ่ายอนุญาต กาคุชูดึงนิ้วเรียวตนเองออกปลดกางเกงอย่างเร่งรีบ แล้วสอดกายที่กำลังพองโตขึ้นเข้าไปในตัวอีกฝ่ายจนสุด
"อ่า ดีชะมัด.." ทันทีที่สอดใส่ ช่องทางแคบตอดรัดเขาถี่รัวจนแทบทนไม่ไหว คารุมะพยายามทำตัวให้ผ่อนคลายมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนที่กาคุชูจะเลื่อนมือมากุมที่สะโพกบางแล้วค่อยๆขยับ ความปรารถนาที่จะคอบครองอีกฝ่ายก็พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ
"อะ..อ่าาา ดะ..ดีจัง อื้อ! อ๊า!" สองมือจิกลงที่แผ่นหลังกว้างของอีกฝ่ายซึ่งกาคุชูก็ไม่ได้ว่าอะไร ริมฝีปากบางส่งเสียงครางไม่หยุดหารู้ไม่ว่านั่นยิ่งเรียกอารมณ์ให้ร่างข้างบนได้เป็นอย่างดี กาคุชูเริ่มเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น กัดฟันรับความรู้สึกดี เสียงครางหวานแหววนั่นยิ่งทำให้อารมณ์เขาพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆอย่างหยุดไม่อยู่ อีกทั้งร่างกายขาวเนียนน่าสัมผัสนั่นอีก
"อะ..อ๊าา! อื้ม! กาคุ..ชู อ๊าาา! ระ..แรงๆ อื้อ! อะ..อ๊า!" ถึงไม่ขอก็จะทำอยู่แล้ว กาคุชูเร่งจังหวะเข้าออกแรงขึ้นจนได้ยินเสียงที่ทั้งสองสอดประสานกัน ส่วนที่สอดใส่ร้อนจนแทบละลายแต่ก็ให้ความรู้สึกดี คารุมะรู้สึกว่าเขาเริ่มถูกครอบงำด้วยกิเลส จะทิฐิหรืออะไรเขาก็ไม่สนใจแล้ว ส่งเสียงครางหวานแหววจนคอแทบแหบแห้ง ซึ่งกาคุชูก็ส่งเสียงทุ้มในลำคอออกมาเป็นระยะๆ
"อ๊าาา! จะ..เสร็จ อื้อ!! แล้ว..อ๊าาา!!" คารุมะปลดปล่อยออกมาเลอะหน้าท้องขาวเนียน กาคุชูสอดกายเข้าออกหนักๆก่อนจะปล่อยเข้าไปในตัวอีกฝ่าย คารุมะสะดุ้งนิดๆเมื่อรับรู้ถึงของเหลวอุ่นๆของอีกฝ่ายภายในร่างกายเขา ก่อนที่ริมฝีปากบางจะหอบหายใจเหนื่อยอีกครั้ง
กาคุชูมองใบหน้าสวยที่แดงแจ๋ ตอนนี้เขาได้สัมผัสอีกฝ่ายอย่างที่ต้องการแล้ว แต่เขารู้สึกว่ามันยังไม่พอ
เขาต้องการอีกฝ่ายมากกว่านี้ แค่นี้มันไม่สามารถลดความกระหายที่เขามีในตอนนี้ได้ มือหนาจับอีกฝ่ายให้พลิกคว่ำทั้งที่ยังคงสอดประสานกัน สองมือประคองสะโพกบางให้ยกขึ้นก่อนจะเริ่มขยับอีกครั้ง
คารุมะซุกหน้าลงกับหมอนใบใหญ่ ก่อนที่ริมฝีปากบางจะเริ่มส่งเสียงครางออกมาอีกครั้ง น้ำตาสีใสเอ่อล้นดวงตาคู่สวยจนคารุมะมองอะไรแทบไม่เห็น
"อ่า คารุ..มะ อืมม.." กาคุชูกระแทกกายเข้าที่จุดอ่อนไหวของอีกฝ่ายรัวจนคารุมะครางแทบไม่ทัน ความรู้สึกดีปราดเข้าทั่วร่างกายเขาอย่างรวดเร็ว สติเริ่มเลื่อนลอยเต็มที ความร้อนตรงส่วนที่ประสานกันทำเอาเขาต้องเผลอตอบรับสัมผัสอีกฝ่าย
สองมือเล็กจิกยำผ้าปูที่นอนอย่างไม่กลัวขาด กาคุชูกระแทกกายถี่รัวจนขาเตียงดังเอี๊ยดอ๊าด ช่องทางที่ตอดรัดเขาทำเอาแทบคลั่ง กาคุชูก้มลงไปกัดไหล่ขาวเนียนอย่างหมั่นเขี้ยว คารุมะพยายามหันมามองอีกฝ่าย ริมฝีปากหอบหายใจเหนื่อยพร้อมกับส่งเสียงครางหวานแหวว
"อะ..อ๊า! อ๊ะ!..อะ..อื้อ! อ๊าาา!" คารุมะรู้สึกว่าอยากจะละลายให้ได้ เขาไม่รู้ว่าหลังจากเสร็จนี่ไปเขาจะกล้ามองหน้ากาคุชูรึเปล่านี่สิ แต่ตอนนี้ความรู้สึกดีที่ไหลผ่านร่างกายไปหยุดทำให้เขาลืมเรื่องทุกๆอย่าง
.
.
.
สองร่างที่เปลือยเปล่านอนโอบกอดกันบนเตียง ทั้งสองหลับไปด้วยความเพลียเมื่อทำกิจกรรมร่วมกันไปถึง 4 รอบ เพราะความคึกของไอ่เจ้าชายเอาแต่ใจนั่นแหละเลยทำให้คารุมะต้องนอนนิ่งๆ อยู่บนเตียงถึง 3 วัน อันที่จริงก็แค่ 2 วันครึ่งเพราะเขาจะต้องไปเดินเล่นในงานต้อนรับองค์หญิงด้วย
ไม่รู้ว่าจะไปให้คนในงานจับผิดหรืออะไร
คารุมะเดินมึนๆอยู่ในงาน ความเจ็บที่สะโพกยังไม่หายดีเท่าไหร่ เวลาเดินไปไหนก็ลำบากไม่น้อย เมื่อถึงตอนเต้นรำเลยต้องพยายามกัดฟันเก็บความเจ็บเอาไว้ เขาไม่ได้สนุกกับงานรื่นเริงนี่สักนิด
"ไหวรึเปล่า?" กาคุชูถามคารุมะในขณะที่ทั้งสองกำลังเต้นรำกันอยู่ ซึ่งคารุมะที่ไม่ได้ซ้อมเต้นเลยจึงต้องพยายามถูๆไถๆไป ดีนะที่กาคุชูยอมให้เขาใส่รองเท้าไม่มีส้นได้
"หะ..ไหว" คารุมะกัดฟัน พยายามฝืนยิ้มให้เป็นธรรมชาติที่สุดเท่าที่จะทำได้ และจุดที่จะทำให้คารุมะต้องชักสีหน้าออกมาก็คือตอนที่ต้องโน้มตัวลงไปเนี่ยแหละ
ความเจ็บแล่นเข้าสู่ร่างกายเขาโดยเร็ว แต่แน่นอนว่าเขายังคงกัดฟันแล้วฝืนยิ้มออกมาได้ ทันทีที่เพลงจบ คารุมะไม่รอให้เพลงต่อไปได้ขึ้นรีบผละตัวออกจากกาคุชูไปที่ระเบียงคนเดียว
คารุมะเปิดประตูระเบียงออกก่อนจะค่อยๆปิดมัน ทันทีที่ประตูปิดร่างของเขาก็ทรุดลงกับพื้นอย่างหมดสภาพ สองมือไขว้จับเอวไว้ด้วยความเจ็บ ทั้งๆที่ผ่านมา 2 วันแล้วแท้ๆแต่มันก็ยังคงความเจ็บได้เสมอต้นเสมอปลายดีจริงๆ เขาไม่น่าหาเรื่องให้ตัวเองโดนทำร้ายเลย
สายลมแผ่วเบาพัดผ่านใบหน้าสวยราวกลับกำลังปลอบโยนร่างโปร่ง คารุมะเงยหน้ามองดวงดาวมากมายยามค่ำคืน ก่อนจะค่อยๆหลับตาลงรับสายลมที่พัดพามาอย่างอ่อนโยน ก่อนที่ประตูระเบียงจะค่อยๆเปิดออก
"อะ..องค์หญิงเพคะ?!" ขุนนางในงานคนหนึ่งเปิดประตูออกมาพบกับคารุมะที่นั่งอยู่บนพื้น อีกฝ่ายก็ดูร้อนรนว่าจะทำอย่างไรดีเพราะนางไม่มีสิทธิ์ที่จะได้แตะต้องคนสูงศักดิ์สะด้วยสิ
"เดี๋ยว.." คารุมะจับชายกระโปร่งผู้หญิงคนนั้นไว้เมื่ออีกฝ่ายกำลังจะเดินเข้าไปเรียกองค์รักษ์มา ขืนมาได้ยุ่งวุ่นวายกันพอดี
"มานั่ง..เป็นเพื่อนหน่อย" หญิงสาวคงไม่มีทางที่จะปฏิเสธได้ จึงยอมลงไปนั่งข้างๆคารุมะที่ระเบียงกว้าง ทั้งสองนั่งรับลมกันไปเรื่อยๆ คารุมะชวนอีกฝ่ายคุยแต่ดูเหมือนนางจะเกร็งไม่น้อยเลยทีเดียว
ทั้งสองเริ่มคุยกันจนสนิทสนมขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่จะถูกผู้ชายคนหนึ่งมาพบเข้า ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าทุกคนในงานออกมานั่งที่ระเบียงตามองค์หญิงสะงั้น แน่นอนว่าถึงไม่ใช่ระเบียงเดียวกับองค์หญิงแต่ทุกคนก็พร้อมใจกันนั่งดูดาวด้วยความอบอุ่น
ไม่มีใครห่วงว่าชุดสูทหรือชุดเดรสราคาแพงจะสกปรกแม้แต่นิด
จนขุนนางในงานก็เริ่มเข้ากับองค์หญิงได้ดี รอยยิ้มสดใสเมื่อได้พูดคุยกับผู้คน ทุกๆคนในงานรู้ดีว่ามันคือรอยยิ้มที่เหมือนตอนที่เจ้าชายขอเจ้าตัวแต่งงาน เป็นรอยยิ้มที่สวยที่สุดเลยด้วยล่ะ
ตอนนี้เลยกลายเป็นว่า คารุมะคว้าหัวใจประชาชนมาได้ในที่สุด เพราะกิจกรรมความอบอุ่นที่เจ้าตัวสร้างขึ้นโดยไม่รู้ตัว
องค์หญิง ได้รับการยอมรับจากประชาชน เรียบร้อยแล้วล่ะ
กาคุชูเฝ้ามองคนรักตนเองที่นั่งยิ้มพูดคุยกับขุนนางต่างๆในงานด้วยความรู้สึกอบอุ่นไม่แพ้กัน ตอนนี้คารุมะคงไม่ใช่ที่รักของเขาแค่คนเดียวแล้วล่ะมั้ง...
แต่ถึงแบบนั้น เขาก็มั่นใจว่าคนที่รักคารุมะที่สุด ยังคงเป็นเขาคนเดียวเท่านั้นแหละ
และจะตลอดไปด้วย
THE HAPPY END
ความคิดเห็น